วัดใต้น้ำหรือเมืองบาดาล สถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของเมืองกาญ

ประเทศไทย เป็นประเทศที่มีสถานที่ท่องเที่ยวน่าตื่นตาตื่นใจ ให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปสำรวจได้อยู่หลายแห่ง หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวแปลก และเป็นสถานที่ที่น่าสำรวจ เราขอยกให้ “เมืองบาดาล” หรือวัดวังก์วิเวการาม ที่คนในพื้นที่มักจะเรียกกันว่าวัดใต้น้ำ สำหรับใครที่ชอบการเที่ยวแนวประวัติศาสตร์ อยากที่จะสำรวจสถานที่ท่องเที่ยว Unseen Thailand สามารถเดินทางมาสำรวจที่วัดแห่งนี้ในจังหวัดกาญจนบุรีได้

ประวัติความเป็นมาของวัดใต้น้ำหรือเมืองบาดาล

ประวัติความเป็นมาของวัดใต้น้ำหรือเมืองบาดาล

เดิมวัดวังก์วิเวการาม เป็นวัดเก่าแก่ที่ถูกสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2498 โดยตำแหน่งที่ตั้งของวัดนี้จะอยู่บริเวณที่เรียกว่า “สามประสบ” กล่าวคือ บริเวณเนิน ที่มีแม่น้ำทั้ง 3 สาย ไหลเข้ามาบรรจบกัน โดยแม่น้ำที่ว่าได้แก่ แม่น้ำบิคลี่, แม่น้ำซองกาเลีย และแม่น้ำรันตี แม่น้ำทั้ง 3 สายที่ไหลมารวมกันได้ชื่อว่าแม่น้ำแควน้อย และในปี พ.ศ. 2527 การไฟฟ้าฝ่ายผลิตของประเทศไทย ได้มีโครงการสร้างเขื่อนวชิราลงกรณ์ เพื่อใช้ในการกักเก็บน้ำ นำเอามาผลิตเป็นกระแสไฟฟ้า และเมื่อมีการเก็บน้ำเพิ่มขึ้นทำให้อำเภอเก่าในพื้นที่กว่า 1,000 ไร่ รวมถึงวัดวังก์วิเวการาม ได้รับผลกระทบถูกน้ำท่วม ทางการจึงได้มีการอพยพชาวบ้านและชาวมอญกว่า 1,000 หลังคาเรือน ให้ออกมาจากบริเวณที่เกิดน้ำท่วม และได้ทำการย้ายวัดมาอยู่ฝั่งตะวันตกของลำน้ำแควน้อยแทน ส่วนวัดวังก์วิเวการามเก่า ก็ได้ถูกปล่อยให้จมอยู่ใต้น้ำ และได้กลายมาเป็นสถานที่ท่องเที่ยว Unseen อีกแห่งในปัจจุบัน

จุดเด่นที่ไม่ควรพลาดเมื่อไปเมืองบาดาล

สำหรับจุดเด่นของเมืองบาดาล หรือวัดใต้น้ำแห่งนี้ คงจะเป็นช่วงเวลาที่ระดับน้ำลดลง และทำให้วัดวังก์วิเวการามเก่า ที่จมอยู่ใต้น้ำปรากฏขึ้นมาสู่สายตาของผู้คน รวมถึงนักท่องเที่ยว ซึ่งหากระดับน้ำลดลง นักท่องเที่ยวสามารถที่จะเดินชมบริเวณโบสถ์ เดินชมบริเวณวัดเก่าได้ ภายในโบสถ์ยังคงมีลวดลายศิลปะแบบมอญหลงเหลืออยู่ให้เห็น และมีลายซุ้มพระพุทธรูปบางส่วนที่ยังหลงเหลืออยู่ตามผนัง รวมถึงร่องรอยของสถาปัตยกรรมแปลกตา ที่นักท่องเที่ยวสามารถมาเดินสำรวจได้

ต้องไปขึ้นเรือจากตรงไหน

ต้องไปขึ้นเรือจากตรงไหน

การเดินทางมาเที่ยวที่เมืองบาดาล สามารถเดินทางมาได้ที่อำเภอสังขละบุรี ผ่านอุทยานแห่งชาติเขาแหลม ข้ามสะพานซองกาเลีย จากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้าซอยสะพานไม้ ขับต่อมาไม่นานก็จะถึงสะพานมอญ นักท่องเที่ยวสามารถทำการติดต่อขอเช่าเรือ ที่บริเวณนั้นได้เลย โดยราคาเช่าเรือเพื่อเดินทางไปยังวัดใต้น้ำ จะอยู่ที่ 300-600 บาท และจะใช้เวลาไปกลับ 45 นาทีโดยประมาณ แต่อย่างไรก็ตาม การเดินทางมาเที่ยวชมวัดเก่าแห่งนี้ ในแต่ละฤดูกาลจะมีความสวยที่แตกต่างกันออกไป

เที่ยววัดใต้น้ำหรือเมืองบาดาลช่วงไหนดี

หากเดินทางมาเที่ยวในช่วงระหว่างเดือนมีนาคมไปจนถึงช่วงเดือนเมษายน จะเป็นช่วงที่ระดับน้ำลดลงเรื่อยๆ จนต่ำสุด เป็นช่วงเวลาการเที่ยว ที่นักท่องเที่ยวจะสามารถเดินชมความงาม ภายในบริเวณเมืองบาดาลที่โผล่มาหลังจากน้ำลดได้ แต่หากนักท่องเที่ยว เดินทางมาเที่ยวในช่วงปลายฝนต้นหนาว หรือช่วงเดือนตุลาคมไปจนถึงเดือนมกราคม อาจจะได้เห็นเพียงแค่บางส่วนของโบสถ์ที่โผล่พ้นน้ำ หรือเห็นเพียงแค่ยอดหอระฆังเดิมเท่านั้น

สรุปบทความ

เที่ยววัดใต้น้ำหรือเมืองบาดาลช่วงไหนดี

และทั้งหมดนี้ คือ ความน่าสนใจของสถานที่ท่องเที่ยว Unseen Thailand ที่หลายคนอาจจะยังไม่เคยรู้จักมาก่อน หากนักท่องเที่ยวอยากจะสัมผัสกับความแปลกใหม่ อยากจะเที่ยวแนวประวัติศาสตร์ สามารถเดินทางมาเที่ยวที่วัดใต้น้ำ ในจังหวัดกาญจนบุรีได้ และนอกจากสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจแห่งนี้แล้ว 

เราขอแนะนำที่พักดีๆ เพิ่มเติม สำหรับนักท่องเที่ยวที่กำลังจะเดินทางมาเที่ยวกาญจนบุรี หากยังไม่รู้จะเข้าพักที่ไหน หรือกำลังมองหาที่พักดีๆ บรรยากาศดี สงบ และเป็นส่วนตัว แนะนำ เเพรีสอร์ท กาญจนบุรี เดอะ โฟลทเฮ้าส์ ริเวอร์เเคว รีสอร์ท (The Float House River Kwai) ที่พักหรูกาญจนบุรี ที่อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ 100% หากคุณอยากเข้าพักรีสอร์ทลอยน้ำ ที่มีความโดดเด่นพิเศษกว่าที่อื่น มีสิ่งอำนวยความสะดวก มีระเบียงส่วนตัว มีกิจกรรมให้เลือกทำเยอะ และมีทัศนียภาพดีๆ รอบด้าน เดอะ โฟลทเฮ้าส์ ริเวอร์เเคว รีสอร์ท (The Float House River Kwai) คือคำตอบ